
น้ำตาลโตนด ความอร่อยที่ลงตัว
ขนมไทย ตั้งแต่โบราณแล้วใช้น้ำตาลโตนดทั้งนั้น หรือขนมทุกอย่างสมัยนี้ที่ใช้กะทิ เข้ากับน้ำตาลโตนดทั้งนั้น หรือขนมที่หวานด้วยการโรยหน้าอย่างพวกนางเล็ด ขนมปังกรอบ ก็ต้องน้ำตาลโตนดถึงจะได้รสหวานนุ่มนวล ไม่แสบคอ
ขนมไทย ตั้งแต่โบราณแล้วใช้น้ำตาลโตนดทั้งนั้น หรือขนมทุกอย่างสมัยนี้ที่ใช้กะทิ เข้ากับน้ำตาลโตนดทั้งนั้น หรือขนมที่หวานด้วยการโรยหน้าอย่างพวกนางเล็ด ขนมปังกรอบ ก็ต้องน้ำตาลโตนดถึงจะได้รสหวานนุ่มนวล ไม่แสบคอ
ย้อนรอย ตำนานเพลงบางปะกง ที่ครูนคร มังคลายน แต่งขึ้นในปี 2497 เพื่อดึงดูดผู้ชม และกลายเป็น เพลงประจำจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยมีเพ็ญศรี พุ่มชูศรี เป็นผู้ขับร้องต้นฉบับ ค้นพบเรื่องราวเบื้องหลัง เพลงเก่าเล่าเรื่องบางปะกง ที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ครูนคร มังคลายน
ความหวานจากช่อดอกตาล เก็บเฉพาะช่วงฤดูกาล จากต้นปีถึงเดือนพฤษภาคม กระปุกละ 140 :- (ขนาด 500 กรัม) (จำนวนจำกัด) จัดส่ง 1-2 กระปุก จัดส่ง 50 :- 3-4 กระปุก จัดส่ง 70 :- สั่งสินค้าทาง Line Ad :
ค้นพบเรื่องราว “วัดเมืองแมด” อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา วัดเก่าแก่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ แหล่งค้นพบจารึกอักษรลาวโบราณ เชื่อมโยงประวัติศาสตร์ชุมชนลาวพวน
ลิ้มลองกะปิเคยบางปะกงเกรดพิเศษ (550ก.) จาก ‘กินดีคราฟท์’ ทำจากเคยแดงแท้ 100% หมักนาน 6 เดือน เนื้อนุ่ม หอมอร่อย ไม่เค็มจัด ปรุงอาหารจานเด็ดได้หลากหลาย สั่งซื้อเลย!
น้ำปลาหวานสูตรอาม่า เครื่องจิ้มรสมือแม่จากชลบุรี ใช้หัวน้ำปลาหมักเอง กุ้งแห้งบางปะกง หวาน เค็ม เผ็ด ครบรส ไม่ใส่ผงชูรส ไม่ใส่วัตถุกันเสีย เหมาะกับมะม่วงเปรี้ยวหน้าร้อน
ท่าข้าม จุดหมายเชิงนิเวศปากแม่น้ำบางปะกง ชุมชนอาหารพื้นบ้านที่ไม่ควรพลาด ลิ้มรสปลากดหัวอ่อนหมกกะปิ แกงส้มหน่อไม้ดอง และอีกมากมาย พร้อมสัมผัสธรรมชาติริมแม่น้ำ
โลมาอิรวดีเป็นสัตว์ทะเลหายากที่อาศัยในแม่น้ำบางปะกง กำลังเผชิญภัยคุกคามจากการทำประมงและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เรียนรู้การอนุรักษ์และบทบาทของโลมาในระบบนิเวศปากแม่น้ำ
ปากแม่น้ำบางปะกง แหล่งน้ำกร่อยที่เป็นถิ่นอาศัยของโลมาอิรวดี โลมาหลังโหนก โลมาหัวบาตรหลังเรียบ และวาฬบรูด้า แต่จำนวนโลมาอิรวดีลดลงเหลือเพียง 22 ตัว จากภัยคุกคามทางสิ่งแวดล้อม การฟื้นฟูป่าชายเลน การสร้างบ้านปลา และการท่องเที่ยวชมโลมา คือความหวังสำคัญในการอนุรักษ์โลมาและฟื้นคืนความสมดุลของธรรมชาติในบางปะกง.
คนบางปะกงใช้ความรู้จากความเข้าใจธรรมชาติเพื่อจัดการชีวิตทั้งเรื่องการอยู่การหากิน โดยไม่ขืนครรลองธรรมชาติ ภูมิปัญญานี้เรียกว่า “นาขาวัง”