ปลากุเลาตัวกำลังพอมื้อ เคล้าเกลือบาง ๆ ตากแดดเดียว ทอดในน้ำมันเดือดพอหนังตึง แต่เนื้อในนุ่ม กลิ่นหอม กินกับข้าวร้อน ๆ อร่อยแบบไม่ต้องเหยาะน้ำปลาเพิ่ม


ปลากุเลา (Threadfin fish, ชื่อวิทยาศาสตร์ Eleutheronema tebradactylum) เป็นปลาน้ำกร่อย อาศัยและหากินอยู่ตามหน้าดินโคลน พบมากในฝั่งอ่าวไทย รวมทั้งบริเวณปากแม่น้ำบางปะกง


กุเลาแดดเดียวหากินยาก ส่วนใหญ่จะเป็นกุเลาตัวโตๆ ที่ดองเค็มจัดแบบที่เรียกว่าปลาเค็ม ตัวใหญ่ขนาดที่ว่าต้องออกทะเลใหญ่ ส่วนมากมาจากอ่าวไทยตอนใต้ แต่ที่บางปะกง กุเลาตัวไม่ถึงฟุต การถนอมอาหารแบบปลาแดดเดียวจึงเหมาะสุด และปลาแดดเดียวที่ยืนหนึ่งขึ้นชื่อในบางปะกงก็ต้องเป็นฝีมือของ “ป้าเปรม” ทองเปรม ชาญสมร มือแดดเดียวแห่งตำบลบางปะกง

ปลาแดดเดียวของป้าเปรมทำสดใหม่ทุกวัน ส่วนใหญ่จะทำส่งแม่ค้าในตลาดสด ร้านอาหาร หรือไม่ก็มีคนมารับไปแพคใส่ห่ออีกที ป้าไม่ถนัดเรื่องการแพคการส่ง ปลากุเลาทำสะอาด บั้งลำตัว หมักเกลือชั่วโมงครึ่ง จากนั้นล้างน้ำสะอาดสองครั้ง ผึ่งบนตะแกรงตากให้แห้งแค่ “แดดเดียว” เท่านั้น





“ถ้าแดดดี ๆ แดดเดียวก็แห้ง ถ้าแดดไม่ดีก็ต้องตากแดดเดียว แล้วเอาเข้าตู้อบ ตากสองวันไม่ได้ ปลาจะมีกลิ่น” กุเลาแดดเดียวของป้าเปรม นอกจากไม่มีกลิ่นตุสักนิด ยังให้รสชาติพอดี ไม่เค็มจัด
ปลาโอหวานแดดเดียว เป็นอีกอย่างหนึ่งในเมนูสร้างชื่อให้ป้าเปรม


มีดทำปลาคมกริบแล่เนื้อปลาโอออกทั้งสองด้าน กระดูกป้าจะเก็บไว้ให้คนเลี้ยงเป็ด เนื้อปลาโอฝานเป็นแผ่นไม่ให้ติดหนัง ถ้าตัวเล็กก็จะได้ด้านละ 3 ชิ้น ตัวใหญ่ได้ถึง 10 ชิ้น





“ปลาโอที่ทำนี่เป็นปลาอวนลอยจากบ้านเราเอง เนื้อจะนิ่ม ตัวเล็กแต่เนื้อมัน ไม่เหมือนปลาโอจากทะเลใหญ่ทางใต้แบบปลาโออินโดนีเซีย นั่นปลาโออวนดำ เนื้อจะแน่นแข็ง ทำแดดเดียวไม่อร่อย”
ปลาโอที่แล่เสร็จจะนำไปหมักในน้ำปรุงที่ทำจากน้ำตาลทรายกับน้ำปลา ถ้าปลาตัวใหญ่ก็หมัก 10 ชั่วโมงครึ่ง ถ้าตัวเล็กก็หมัก 5 ชั่วโมงครึ่ง เหตุใดจึงมีเศษ “ครึ่ง” ป้าไม่บอก ได้แต่อมยิ้ม นัยว่าเป็นเคล็ดลับความอร่อย น้ำหมักปลาใช้แค่สองครั้งแล้วต้องเปลี่ยนเพื่อคงรสชาติ เนื้อปลาโอแดดเดียวจะออกเค็มและหวานพอดี กินกับข้าวต้มลงตัวสุด ๆ ส่วนหนังปลาป้าจะเอาไปทอดกรอบใส่ถุงวางขาย คนชอบมีเยอะ ไม่เคยเหลือ


ปลาโอแดดเดียวรสหวานเค็ม ขายดีกว่าปลากุเลา บางวันป้าทำถึง 50 กิโลกรัมก็มีคนมารับไปหมด สิบกว่าปีที่ทำปลาแดดเดียวขาย ไม่ต้องห่วงเรื่องของเหลือค้างสต๊อก มีแต่ไม่พอขาย “มีมากก็ทำมาก มีน้อยก็ทำแค่น้อย ไม่สั่งเพิ่ม เพราะแรงทำก็มีกันแค่สองคน” ป้าเปรมเป็นแม่ค้าแนวศิลปิน ขายแบบไม่ง้อดีมานด์
อย่างไรก็ตาม เวลาพูดถึงอาหารทะเล น้อยคนจะนึกถึงบางปะกง ภาพจำส่วนใหญ่อาหารทะเลมักมาจากทะเลใต้ หรือไม่ก็จังหวัดทางตะวันออกที่ติดทะเล
ทำไมอาหารจาก “ปากแม่น้ำบางปะกง” จึงมีรสชาติที่พิเศษแตกต่างจากที่อื่น?
ปากแม่น้ำ คือบริเวณอ่าวหรือพื้นน้ำชายฝั่งทะเลที่น้ำจืดและน้ำเค็มไหลเข้าหากัน และผสมกันจนค่าความเค็มบริเวณปากแม่น้ำค่อย ๆ เพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับค่าความเค็มของมหาสมุทรในบริเวณนั้น
ปากแม่น้ำยังเป็นแหล่งกำเนิดของผลผลิตทางชีวภาพจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะแพลงก์ตอนที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำทุกชนิด ตั้งแต่กุ้ง หอย ปู ปลา จนถึงโลมา ความหลากหลายของชีวิตทางทะเลที่พบในปากแม่น้ำ มักไม่ปรากฏในทะเลลึกไปจนถึงมหาสมุทร
ปากแม่น้ำบางปะกงเป็นหนึ่งในพื้นที่พิเศษนี้ อาหารจากปากแม่น้ำบางปะกงจึงมีรสชาติพิเศษที่แตกต่างจากอาหารทะเลทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นของสดหรืออาหารที่ผ่านการถนอมและแปรรูป บางปะกงยังอยู่ใกล้กรุงเทพฯ ประหยัดค่าขนส่งอีกด้วย
TAG : #บางปะกงแดดเดียว #ปลากุเลาแดดเดียว #ปลาโอหวานแดดเดียว #ปากแม่น้ำบางปะกง #อาหารทะเลแปรรูป #อยู่ดีกินดี #วิถีริมแม่น้ำ #บางปะกง #หาอยู่หากิน #กินตามน้ำ #อยู่ดีกินดีที่แม่น้ำบางปะกง