เมื่อปี 2547 ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ทำงานวิจัยโดยสำรวจความหลากหลายของทรัพยากรประมงในแม่น้ำบางปะกง ครอบคลุมสองฤดูกาล คือ ฤดูแล้งกับฤดูฝน พบทรัพยากรประมงที่ประกอบด้วยปลา 155 ชนิด จาก 50 วงศ์ และสัตว์น้ำอื่นๆ 35 ชนิด จาก 19 วงศ์ ในจำนวนนี้มี “แม่หอบ” รวมอยู่ด้วย
แม่หอบ หรือ จอมหอบ (Mud lobster, Mangrove lobster) เป็นสัตว์น้ำไม่มีกระดูกสันหลังในกลุ่มครัสเตเชียนชนิดหนึ่ง อยู่ในสกุล Thalassina จัดเป็นสิ่งมีชีวิตดึกดำบรรพ์ที่ถือกำเนิดมาตั้งแต่ยุคไมโอซีนเมื่อ 16 ล้านปีก่อน
การขยายตัวของอุตสาหกรรมทำให้ป่าชายเลนและระบบนิเวศแม่น้ำบางปะกงเปลี่ยนไปชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ ไม่มีรายงานการพบแม่หอบในบริเวณปากอ่าวไทยตอนบนจนถึงอ่าวไทยตอนล่าง ต่างจากฝั่งอันดามันที่ยังพบจำนวนมาก (เพราะอุตสาหกรรมยังไปไม่ถึง) โดยเฉพาะในจังหวัดระนอง ที่ประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าแม่หอบ
แม่หอบเป็นประดิษฐกรรมธรรมชาติที่ผสมผสานกันลงตัวระหว่างกุ้ง ปู และแมงป่อง ส่วนหัวเหมือนกุ้ง ลำตัวสีแดงเข้มเป็นกล้องๆ เหมือนกั้ง ท้องยาวเรียวไม่มีแพน หางเหมือนกุ้งแต่เป็นปล้องเหมือนหางแมงป่อง ขนาดลำตัวความยาวหัวจรดหางประมาณ 20-30 เซนติเมตร ขาคู่แรกใหญ่เหมือนก้ามปู กล้ามโตๆ นี้ทำหน้าที่เดิน ขุดรู และขนดินออกมาพูนไว้เป็นยอดแหลมเรียกว่า “จอมหอบ” ทำให้สามารถสังเกตเห็นรูอาศัยของแม่หอบที่มีลักษณะเหมือนจอมปลวกซึ่งสูงประมาณ 1-2 เมตร
จอมหอบที่แม่หอบสร้าง ไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่ของเจ้าตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นบ้านและที่หลบภัยของสัตว์เล็กสัตว์น้อยในป่าชายเลนอีกมากมาย ทั้งงู ปู หอย กุ้ง ปลา ยอดจอมหอบยังเป็นจุดพัก หรือ stepping stone ให้นกที่หากินในละแวกนั้น และพืชบางชนิดก็สามารถเติบโตได้ดีในกองดินที่แม่หอบขุดขึ้นมานี้ด้วย
แม่หอบสามารถอยู่บนได้นานกว่าสัตว์จำพวกครัสเตเชี่ยนชนิดอื่นๆ นางกินอาหารที่เป็นอินทรียสารที่อยู่ในดินเลนในช่วงเวลากลางคืน เมื่อแม่หอบกินดินโคลนในป่าชายเลน นางจะรีไซเคิลอาหารจากใต้ดินแล้วส่งขึ้นมาด้านบน สารอาหารที่แม่หอบรีไซเคิลขึ้นมาจะเป็นอาหารของพืชที่อยู่ในบริเวณนั้น การขุดรูของแม่หอบยังทำให้เลนคลายตัว ช่วยให้ออกซิเจนระบายผ่านพื้นดินได้ดีขึ้น คล้ายๆ กับไส้เดือนที่ช่วยพรวนดินให้ร่วนซุยขึ้น
เมื่อปี 2563 มีการศึกษาระบบการทำจอมหอบเพื่อฟื้นป่าพรุในจังหวัดพังงา รวมทั้งเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการฟื้นฟูพื้นที่บ่อกุ้งร้าง หรือป่าชายเลนเสื่อมโทรมที่มีน้ำท่วมสูงหรือขังเป็นเวลานาน โดยการปรับสภาพพื้นที่ให้คล้ายจอมหอบ จากนั้นจึงปลูกต้นไม้ในบริเวณดังกล่าว เป็นเทคนิคการฟื้นฟูป่าที่เรียกว่า “แม่หอบโมเดล” แต่เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 จึงยังไม่ได้มีการไปติดตามผลการทดลองโมเดลดังว่านี้
คนสมัยก่อนเชื่อว่าการกินเนื้อแม่หอบจะช่วยบรรเทาอาการโรคหอบหืดได้ แต่ยังไม่เคยมีงานวิจัยทางการแพทย์ยืนยันในข้อนี้ และก็ไม่สามารถสืบสาวได้ว่าชื่อแม่หอบ มาก่อนความเชื่อ (ว่ารักษาโรคหอบหืดได้) หรือความเชื่อมาก่อน จึงมีการตั้งชื่อว่าแม่หอบ สองเรื่องนี้พิสูจน์ไม่ได้ แต่สิ่งที่พิสูจน์ได้คือ แม้จะเป็นสัตว์โลกล้านปี แต่แม่หอบมีความบอบบาง เช่น ในช่วงฤดูมรสุมน้ำทะเลอาจท่วมรูของแม่หอบ นางก็ตายได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงภัยคุกคามอื่นๆ
ชีวิตที่สามารถดำรงอยู่ได้มานานนับล้านปี กลับอยู่ในสถานะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ในวันที่มนุษย์อยู่บนยอดสุดของห่วงโซ่อาหารนี่เอง
TAGS #แม่หอบ #อยู่ดีกินดี #วิถีริมแม่น้ำ #บางปะกง #น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า
ข้อมูลและภาพ
อ้างอิง
- ความหลากหลายทรัพยากรประมงในแม่น้ำบางปะกง. สุชาติ สว่างอารีย์รักษ์, สุรศักดิ์ ทองสุกดี และ ศิวพร ราชสุวรรณ. ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, 2547
- https://km.dmcr.go.th/c_218/s_221/d_2553#.Um99f3BHKg8

ลักษณะแม่หอบที่มีส่วนผสมของกุ้ง ปู และแมงป่อง
ภาพจาก http://www.wildsingapore.com/wildfacts/crustacea/othercrust/lobster/thalassina.htm

จอมหอบที่สูงขึ้นจากพื้นดินเกือบ 2 เมตร
ภาพจาก http://www.wildsingapore.com/wildfacts/crustacea/othercrust/lobster/thalassina.htm

กราฟฟิกแสดงให้เห็นว่าจอมหอบไม่เพียงเป็นรูของแม่หอบ แต่ยังเป็นที่อาศัยของสัตว์และพืชในป่าชายเลน
ภาพจาก http://www.wildsingapore.com/wildfacts/crustacea/othercrust/lobster/thalassina.htm