วิกฤตแม่น้ำบางปะกง เกิดแล้ว ยังเกิดอยู่ และจะเกิดต่อไป

เครือข่ายอนุรักษ์แม่น้ำบางปะกง แชร์ข่าวสภาพปลากด ปลาดุก ปลาลิ้นหมา กุ้งขาว นับร้อย ๆ ตัวกันลอยตัวขึ้นเหนือน้ำเพื่อฮุบอากาศ และมีลักษณะเกยตื้น ในแม่น้ำบางปะกง
วิกฤตแม่น้ำบางปะกง

เคยอยู่ในสภาพที่ขาดอากาศหายใจบ้างไหม?

เชื่อว่าส่วนใหญ่ไม่เคย แต่คนที่เคยมีประสบการณ์นี้จะรู้ว่าวินาทีแห่งความทรมานเป็นเยี่ยงไร

ออกซิเจนที่ใช้หายใจไม่ได้มีแต่ในอากาศ แม้แต่สัตว์น้ำก็ต้องใช้ออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำในการหายใจ การมีชีวิตของสัตว์น้ำซับซ้อนไม่น้อยกว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อยู่บนบก เมื่อเกิดวิกฤติเรื่องควันไฟ เรื่องฝุ่นละออง PM2.5 เราเรียกร้องอย่างหนักให้มีการแก้ไขอย่างจริงจัง แล้วถ้าสัตว์น้ำขาดอากาศหายใจเพราะสิ่งที่เรากระทำ จะมีใครเรียกร้องให้มีการแก้ไข “อย่างจริงจัง” เพื่อชีวิตเหล่านั้นบ้าง

10 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา เครือข่ายอนุรักษ์แม่น้ำบางปะกง แชร์ภาพ คลิป และข้อความ ที่มีผลทำให้ผู้รับที่เปิดดูน้ำตาตกใน เมื่อเห็นสภาพปลากด ปลาดุก ปลาลิ้นหมา กุ้งขาว นับร้อย ๆ ตัวกันลอยตัวขึ้นเหนือน้ำเพื่อฮุบอากาศ และมีลักษณะเกยตื้น


การตรวจสอบครั้งที่หนึ่ง “ไม่พบปลาตาย”

ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน (ศวทบ.) และสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 จังหวัดชลบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบหลังได้รับแจ้งว่าพบปลากดจำนวนมากลอยหัวบริเวณปากอ่าวบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา จากนั้นก็สรุปรายงานว่าได้ตรวจวัดปัจจัยคุณภาพน้ำทะเลพื้นฐาน และเก็บตัวอย่างน้ำทะเล จำนวน 2 จุด ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายประมงบางปะกง และท่าเรือท่าข้าม


11 พฤศจิกายน 2566 ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน (ศวทบ.) และสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 2 จังหวัดชลบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบหลังได้รับแจ้งว่าพบปลากดจำนวนมากลอยหัวบริเวณปากอ่าวบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา จากนั้นก็สรุปรายงานว่าได้ตรวจวัดปัจจัยคุณภาพน้ำทะเลพื้นฐาน และเก็บตัวอย่างน้ำทะเล จำนวน 2 จุด ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายประมงบางปะกง และท่าเรือท่าข้าม ผลการตรวจสอบ “ไม่พบปลาตาย และลอยหัว” พบน้ำเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาลแดงทั้งสองพื้นที่ และพบค่าออกซิเจนละลายน้ำต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน คุณภาพน้ำทะเลฯ 2564 ประเภทที่ 3 เพื่อการเพาะเลี้ยง (กรมควบคุมมลพิษ, 2564) ทั้ง 2 พื้นที่ ดังนี้

จุดที่ 1 ศูนย์เรียนรู้เครือข่ายประมงบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา เวลา 10:00 น. ช่วงน้ำลง ระดับผิวน้ำ มีอุณหภูมิน้ำ 30.6 °C pH 7.16 ความเค็ม 11.4 ppt DO 0.81 mg/l พบการสะพรั่งของแพลงก์ตอนพืชกลุ่มไดอะตอม สกุล Chaetoceros spp. โดยชาวบ้านในพื้นที่แจ้งว่าพบว่าน้ำเปลี่ยนสีมาแล้ว 3 วัน

จุดที่ 2 ท่าเรือท่าข้าม จังหวัดฉะเชิงเทรา เวลา 11:30 น. ช่วงน้ำลง อุณหภูมิน้ำ 30.5 °C pH 7.03 ความเค็ม 13.2 ppt DO 0.88 mg/l

หลังจากนี้ ศวทบ. จะดำเนินการรายงานผลการตรวจสอบไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ และติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง

12 พฤศจิกายน 2566 ปลาที่ลอยคอฮุบอากาศก็ขาดใจตาย ลอยเป็นแพเต็มแม่น้ำ เพราะสภาพการขาดออกซิเจนในน้ำไม่ได้เพิ่งเกิดในวันที่มีผู้แจ้งเหตุ แต่เป็นต่อเนื่องมา 4 วันก่อนหน้านี้แล้ว และในรายงานการลงตรวจพื้นที่ครั้งนี้ระบุว่าค่าออกซิเจนในน้ำ หรือ DO อยู่ประมาณ 0.81-0.88 มิลลิกรัม/ลิตร

ระดับออกซิเจนละลายน้ำที่ลดลงต่ำกว่า 5.0 มิลลิกรัม/ลิตร ทำให้เกิดความเครียดต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ ความเข้มข้นที่ต่ำกว่าทำให้เกิดความเครียดมากขึ้น ระดับออกซิเจนที่ต่ำกว่า 1-2 มิลลิกรัม/ลิตร เป็นเวลา 2-3 ชั่วโมง สามารถทำให้ปลาจำนวนมากเสียชีวิต

ไม่ต้องพูดถึงค่าออกซิเจนในน้ำที่เหลือเพียง 0.80-0.88 มิลลิกรัม/ลิตร

การตรวจสอบครั้งที่สอง “พบปริมาณออกซิเจนเป็นศูนย์”


13 พฤศจิกายน ศูนย์นวัตกรรมสิ่งแวดล้อมอัจฉริยะ (ENIC) ลงพื้นที่ไปตรวจสอบในพื้นที่เลี้ยงกระชังปลาริมแม่น้ำบางปะกง หลังจากได้รับการประสานงานขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมอำเภอบางปะกง ซึ่งได้รับแจ้งจากกลุ่มผู้เลี้ยงปลาในกระชัง เมื่อลงพื้นที่ก็พบว่ามีปลาในแม่น้ำบางปะกงลอยตายจำนวนมาก และปริมาณออกซิเจนละลายน้ำเกือบเป็นศูนย์ในหลายจุด

ENIC จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาสำรวจ ซึ่งครั้งนี้มาครบแบบทัพหลวง ได้แก่ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา ก็ลงพื้นที่อีกครั้งพร้อมด้วยสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 (ชลบุรี) ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน สำนักงานประมงจังหวัดฉะเชิงเทรา สำนักงานประมงอำเภอบางปะกง ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งฉะเชิงเทรา โครงการชลประทานชลบุรี และเทศบาลตำบลท่าข้าม


นี่คือสรุปผลรายงานการสำรวจ

1. คณะผู้ตรวจสอบได้ลงเรือเก็บตัวอย่างน้ำในแม่น้ำบางปะกง จำนวน 8 จุด ประกอบด้วย (1) ศูนย์เรียนรู้เพาะเลี้ยงปลากะพงขาวในกระชัง (บ้านลุงทิน) (2) ใต้สะพานข้ามแม่น้ำบางปะกง ตำบลท่าข้าม (3) บริเวณปากคลองพานทองไหลลงแม่น้ำบางปะกง (4) ที่ว่าการอำเภอบางปะกง (5) ท่าเทียบเรือของบริษัท เอเชีย โกลเด้น ไรซ์ จำกัด (6) บริเวณใกล้ฟาร์มเลี้ยงกุ้งของบริษัท ซีพี (7) บริเวณจุดระบายน้ำของโรงไฟฟ้าบางปะกง และ (8) ปากแม่น้ำบางปะกง

ซึ่งการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำภาคสนาม พบว่า ทั้ง 8 จุด มีค่าออกซิเจนละลายน้ำน้อยกว่า 1 มิลลิกรัม/ลิตร (ปริมาณออกซิเจนละลายน้ำที่เหมาะสมกับการดำรงชีวิตของสัตว์น้ำตั้งแต่ 4 มิลลิกรัม/ลิตร ขึ้นไป)

2. สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 13 (ชลบุรี) ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบน และศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งฉะเชิงเทรา ได้เก็บตัวอย่างน้ำในแม่น้ำบางปะกงไปตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ และจะแจ้งผลการตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำให้ทราบในภายหลัง

3. คณะผู้ตรวจสอบไม่พบแหล่งกำเนิดมลพิษปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำบางปะกง และได้แจ้งให้เทศบาลตำบลท่าข้ามเฝ้าระวังการลักลอบปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำบางปะกง 

 

ต้นน้ำคือต้นเหตุ?

เมื่อคณะทัพหลวงแถลงว่า “ไม่พบแหล่งกำเนิดมลพิษ” ที่ปล่อยน้ำเสียจนเป็นสาเหตุให้สัตว์น้ำตายจำนวนมาก นักวิชาการจึงต้องเข้ามาช่วยไขข้อข้องใจ โดยให้คำแนะนำว่า เมื่อพิจารณาจากประมาณเซลล์ของสาหร่าย Chaetoceros (หมายถึงแพลงก์ตอนพืชกลุ่มไดอะตอม สกุล Chaetoceros spp. จากผลการสำรวจครั้งแรกในจุดที่ 1) ที่มีอยู่ประมาณ 115 cells/ml (ตามที่มีการแถลงว่ามีการสะพรั่ง) ถือว่าตัวเลขนี้ไม่มาก แต่ทว่าค่า DO กลับต่ำมาก จึงต้องตามไปวัด “ต้นน้ำ” ว่าค่า DO ต่ำแบบนี้ไหม ถ้าต่ำ แล้วไปสิ้นสุดที่ไหน เพราะผลจากที่คณะสำรวจลงพื้นที่ เป็นการเก็บน้ำในช่วงน้ำลง

ที่น่าสังเกตคือ ต้นน้ำไม่มีอุตสาหกรรมหนักมากเท่ากับช่วงปลายน้ำ แต่สิ่งที่ต้นน้ำมีมากคือ การทำนาที่ใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชแบบเข้มข้นสูง การปล่อยสารเคมีลงแหล่งน้ำเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้น้ำเสีย ปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลง โดยเฉพาะสารกลุ่มฟอสเฟต (ซึ่งมีอยู่ในสบู่และแชมพูสระผมด้วยนะ) กลุ่มคาร์บาเมต กลุ่มไพริทริน เป็นต้น แต่การพาดพิงว่าต้นน้ำคือต้นเหตุก็เป็นแค่การคาดเดาของผู้ที่ได้รับผลกระทบ จะให้รู้แน่ก็ต้องมีการลงพื้นที่สำรวจ ซึ่งเวลานี้ยังไม่มีรายงานว่ามีทัพหลวงลงไปหรือไม่

อีกครั้งหนึ่งที่ภาพความตายแบบนี้เป็นเพียงข่าวเล็ก ๆ ที่แทบไม่ได้รับความสนใจ “อย่างจริงจัง”

TAGS #วิกฤตแม่น้ำบางปะกง #อยู่ดีกินดี #วิถึริมแม่น้ำ #แม่น้ำบางปะกง #หาอยู่หากิน #น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า #

อ้างอิง

https://web.facebook.com/watch/?v=1020291475908541&extid=CL-UNK-UNK-UNK-AN_GK0T-GK1C&ref=sharing&mibextid=Nif5oz&_rdc=1&_rdr

.

https://web.facebook.com/100044261242622/posts/pfbid02hBMpdCBFY3Uuq7G4WPwXa7s6wp2qMpgW1EMYBP9DfFrEA2ock8ZnNxcf5GybmewUl/?mibextid=Nif5oz&_rdc=1&_rdr

.

https://www.facebook.com/thakambangpakong

ขอบพระคุณเจ้าของภาพทุกภาพ

Share:

ขนมไทย ตั้งแต่โบราณแล้วใช้น้ำตาลโตนดทั้งนั้น หรือขนมทุกอย่างสมัยนี้ที่ใช้กะทิ เข้ากับน้ำตาลโตนดทั้งนั้น หรือขนมที่หวานด้วยการโรยหน้าอย่างพวกนางเล็ด
ย้อนรอย ตำนานเพลงบางปะกง ที่ครูนคร มังคลายน แต่งขึ้นในปี
ค้นพบเรื่องราว "วัดเมืองแมด" อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา วัดเก่าแก่สมัยต้นรัตนโกสินทร์
ลิ้มลองกะปิเคยบางปะกงเกรดพิเศษ (550ก.) จาก 'กินดีคราฟท์' ทำจากเคยแดงแท้

ส่งข้อความถึงเรา

Tags
NCDs กะปิสองคลอง กะปิเคย กินดีคราฟท์ กินตามน้ำ ของดีบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ตักบาตรน้ำผึ้ง ต้นจาก ที่นี่บ้านเรา ทุเรียนปราจีน ทุเรียนพันธุ์ไหนอร่อยที่สุด ธรรมชาติ น้ำตาลโตนด น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า บั้งไฟฉะเชิงเทรา บางปะกง ป่าจาก ป่าชายเลน พระยาสมุทบุรานุรักษ์ พายเรือทวนน้ำ มอญ ยั่งยืน ยิ่งยศ ฐาปนกุลศักดิ์ รัชกาลที่ 5 ลาลูแบร์ วัด วัดพิมพาวาส วิถีริมแม่น้ำ ศักดิ์ปากหมา ศักดิ์ปากหมาทุเรียนปราจีนแท้ สยบเบาหวานด้วยรสขมของมะระขี้นก หลวงพ่อโสธร หาอยู่หากิน อยู่ดีกินดี อยู่ดีกินดีที่แม่น้ำบางปะกง เคย เดชศักดิ์ บุญทาสิน แชร์โลมา แม่น้ำ แม่น้ำบางปะกง แม่น้ำปราจีนบุรี โลมาหัวบาตร โลมาอิรวดี ใบจาก
โลมาอิรวดีเป็นสัตว์ทะเลหายากที่อาศัยในแม่น้ำบางปะกง กำลังเผชิญภัยคุกคามจากการทำประมงและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เรียนรู้การอนุรักษ์และบทบาทของโลมาในระบบนิเวศปากแม่น้ำ
ปากแม่น้ำบางปะกง แหล่งน้ำกร่อยที่เป็นถิ่นอาศัยของโลมาอิรวดี โลมาหลังโหนก โลมาหัวบาตรหลังเรียบ และวาฬบรูด้า แต่จำนวนโลมาอิรวดีลดลงเหลือเพียง 22 ตัว จากภัยคุกคามทางสิ่งแวดล้อม การฟื้นฟูป่าชายเลน
คนบางปะกงใช้ความรู้จากความเข้าใจธรรมชาติเพื่อจัดการชีวิตทั้งเรื่องการอยู่การหากิน โดยไม่ขืนครรลองธรรมชาติ ภูมิปัญญานี้เรียกว่า “นาขาวัง”
เคยเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศชายฝั่งและทะเล มีความสัมพันธ์ระหว่างเคยกับความหลากหลายทางชีวภาพ การประมงความอยู่ดีกินดีของชุมชน
ประมงพื้นบ้านมีความรู้ในการทำปะการังเทียมมานานหลายพันปีแล้ว องค์ความรู้นี้พบเห็นได้ในทะเลแถบอินโดแปซิฟิก ชาวประมงจะใช้โครงสร้างไม้ไผ่ และใบปาล์ม หรือทางมะพร้าว สะกันไว้เป็นห้องๆ เพื่อดึงดูดสัตว์น้ำ อุปกรณ์แบบนี้ถ้าเป็นคนประมงบ้านเราแถวอ่าวไทยตอนบน อย่างเช่น คนบางปะกง
จอมยุทธ์หนึ่งเดียวในชุมชนคลองหัวจาก ตำบลบางปะกง อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่เลี้ยงตัวด้วยป่าจากจนทุกวันนี้ เป็นเวลากว่า 60 ปี และยังทำหน้าที่สางป่าให้อยู่ในสภาพที่ไม่ตกขโมง