ผักบุ้งไทยไม่ค่อยมีคนนำมาทำอาหาร ส่วนใหญ่เราเลยถนัดแต่ผักบุ้งจีน เพราะทำง่าย ไม่ต้องมีเนื้อสัตว์ ผัดไฟแดงให้หอมเต้าเจี้ยวกับกระเทียมก็กินกับข้าวต้มแสนอร่อย

เหตุผลที่ผักบุ้งไทยไม่ค่อยมาเยี่ยมครัวเราก็น่าจะเป็นเพราะความเหนียว จะได้เจอกับผักบุ้งไทยก็มักจะเป็นกับข้าวที่ปรุงเป็นงานเป็นการด้วยการต้มให้นิ่ม เช่น แกงเทโพ แกงส้ม หรือไม่ก็ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ
อันที่จริงผักบุ้งไทยมีประโยชน์มาก เป็นพืชน้ำพื้นบ้านที่ไม่ต้องใช้ยาใช้ปุ๋ยเลย ผักบุ้งไทยมีวิตามินซีสูงกว่าผักบุ้งจีน เป็นแหล่งเบต้าแคโรทีนชั้นดี บำรุงสายตา ป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม และไฟเบอร์ชั้นยอดช่วยเรื่องระบบขับถ่ายให้ทำงานดี
กับข้าวที่ใช้ผักบุ้งไทยแบบง่ายก็มี เมนูหนึ่งที่นึกออกคือ เอามาผัดกับกะปิ
เริ่มจากซอยผักบุ้งให้เป็นเส้นบาง ๆ แล้วแช่น้ำไว้พักหนึ่ง เส้นผักบุ้งจะม้วนต้วนเข้าหากัน เส้นที่ม้วนต้วนดิบ ๆ แบบนี้คนเวียดนามชอบเอามาใส่ขนมจีนกิน แต่ของเราจะนำไปผัด

เครื่องผัดก็มีกระเทียมกับหอมแดง ตำให้แหลก ใส่กะปิเคยบางปะกงลงไปสักช้อน โขลกให้เข้ากัน ถ้าชอบเผ็ดโยนพริกลงไปด้วยเลย ถ้ากล้า ๆ กลัว ๆ ก็แค่หั่นใส่ตอนผัดเสร็จแล้ว



กระทะร้อนนำเครื่องที่ตำลงไปคั่วให้หอมกะปิ จากนั้นก็เอาผักบุ้งม้วนต้วนลงไปผัด ใส่น้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลโตนดสักประมาณหัวแม่มือเพื่อชูรส คุโระ ๆ ให้เข้ากันจนผักบุ้งสุก ถ้าใครมีเคยแห้งอยู่ในตู้เย็น จะใช้โรยหน้าตอนจบก็ได้ (ควรนำไปคั่วไฟอ่อน ๆ ให้ร้อน ๆ หอม ๆ ก่อนนำมาโรยหน้า)



เส้นผักบุ้งเคี้ยวง่าย สุกแต่มีความกรอบต่างจากผักบุ้งจีน ที่สำคัญคือ หอมกะปิ
“ผักบุ้งคั่วกะปิ” กับข้าวบ้าน ๆ ที่มีคุณค่าอาหารอย่างดี (และหากินนอกบ้านยาก!)



TAG : #ผัดผักบุ้งคั่วกะปิ #สูตรลับกินดีคราฟท์ #กะปิเคยบางปะกง #น้ำตาลโตนด #กินดีคราฟท์ #เชฟช้างชวนชิม #วัตถุดิบและอาหารพื้นบ้าน #อยู่ดีกินดี #กินกี่ครั้งไม่ซ้ำเดิม #วัตถุดิบหลากหลากตามฤดูกาล #วัฒนธรรมการกิน