คนไทยสมัยก่อนนำส่วนต่างๆ ของตาลโตนดมาใช้เพื่อสุขภาพ อย่างช่อดอกหรืองวงตาล นอกจากจะให้ความหวาน ยังเอามาให้เด็กกินแก้ตานขโมย ขับพยาธิ ปัจจุบันก็คงบอกว่าคือโรคขาดอาหาร มีอาการพุงโรก้นป่อง ซึ่งเด็กสมัยนี้ไม่ค่อยเป็นกันแล้ว หรือนำก้านใบตาลสดมาย่างไฟอ่อน ๆ คั้นน้ำเป็นยาแก้ปากเปื่อย สมัยนี้มียาซอง ๆ ใช้สะดวก ยาสมุนไพรจากตาลก็หมดความนิยม แต่น้ำตาลโตนด ถึงจะทำยากก็ยังอยู่ในความนิยม


อาหารไทยพื้นบ้านที่ต้องใส่น้ำตาล ต้องน้ำตาลโตนดหรือน้ำตาลมะพร้าวเท่านั้น ใช้น้ำตาลทรายจะให้รสหวานแหลมกระด้างไป น้ำพริกนั้นยกไว้ให้เลย ไม่ว่าจะน้ำพริกที่ใช้กะปิ หรือน้ำพริกที่ออกสามรสเพราะใช้มะขาม มะดัน มะกอก ต้องใช้น้ำตาลโตนดหรือน้ำตาลมะพร้าวเท่านั้นถึงจะนัว อาหารพวกต้ม ผัด ตุ๋น ใช้ได้หมด อย่างการตุ๋นหมูสามชั้นหรือขาหมู ต้องเคี่ยวน้ำตาลโตนดให้สีเหนียวเข้มจนได้กลิ่นคาราเมล แล้วค่อยเทใส่หม้อตุ๋นเนื้อสัตว์ด้วยไฟอ่อน จะได้รสหวานอ่อน ๆ เข้าเนื้อเข้าน้ำ
การหมักเนื้อสัตว์ให้มีรส เชฟสมัยนี้ก็ใช้น้ำตาลโตนดหมักกับซอสต่าง ๆ ให้ความหวานนุ่มนวล (เคล็ดลับการหมักเนื้อ-หมูให้นุ่ม ควรใส่แป้งมัน หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง เนื้อจะนุ่มแต่ไม่แตกเละ)


ถ้าเป็นขนมไทย ตั้งแต่โบราณแล้วใช้น้ำตาลโตนดทั้งนั้น หรือขนมทุกอย่างสมัยนี้ที่ใช้กะทิ เข้ากับน้ำตาลโตนดทั้งนั้น หรือขนมที่หวานด้วยการโรยหน้าอย่างพวกนางเล็ด ขนมปังกรอบ ก็ต้องน้ำตาลโตนดถึงจะได้รสหวานนุ่มนวล ไม่แสบคอ
สรุปว่าจะคาว-หวาน ถ้าเป็นอาหารไทยที่ต้องเจือรสหวาน น้ำตาลโตนดหรือน้ำตาลมะพร้าว ช่วยชูรสชาติที่ลงตัวและมีคุณค่ากับร่างกาย


TAGS #น้ำตาลโตนด #น้ำตาลธรรมชาติแท้100% #กินดีคราฟท์ #อาหารและวัตถุดิบพื้นบ้าน #ของกินดี #กินกี่ครั้งไม่ซ้ำเดิม #วัตถุดิบหลากหลายตามฤดูกาล #เชฟช้างชวนชิม #อยู่ดีกินดี